+(66) 94 94 78269

Top
 

Uncategorized

Soul Mate

ผมเชื่อว่าหลายๆคนเข้าใจว่า Soulmate จำกัดเพียงแค่ 'เนื้อคู่ที่แท้จริง'​ ที่เราเจอกันแล้วอยู่กับเขาไปทั้งชีวิต​ จนกระทั่งวันตาย เรามีความรักมีความห่วงใยซึ่งกันเช่นเดียวกับในนิยาย​ ความจริงแล้ว มันไม่ใช่ความหมายอันเดียวของ Soulmate Soulmate ที่แท้จริงคือ Soul ที่เกิดมากับเราหลายครั้งแล้ว เขามาเพื่อเรียนรู้​ มาเพื่อสอนกันและกัน บางครั้ง Soul เหล่านั้นอาจจะเป็นพ่อ เป็นแม่เรา เป็นพี่น้อง เป็นเพื่อน หรือเพื่อนสนิทเราก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคู่รักเสมอ หน้าที่หลักๆของ Soulmate คือ 'สอนให้คุณโต' นั่นแหละครับ แล้วคุณเองก็ไปสอนอะไรให้เขาโตด้วยเช่นกัน การเติบโตอาจจะไม่ได้ในรูปแบบความอบอุ่น​ คนๆนั้นอาจจะมีพลังกดปุ่มบางอย่างในตัวคุณทำให้คุณโมโห​ หรือ​ เสียใจ​ บุคคลนั้นก็เป็น​ Soulmate คุณเหมือนกัน การที่เรามาสอนกันและกันเป็นสิ่งที่ดี มาในรูปแบบความสัมพันธ์คู่รัก บางครั้งมาเพื่อทำงานร่วมกัน​ บางครั้งคือครอบครัวเรา เชื่อไหมว่าคุณอาจมี​ Contract พันธสัญญาร่วมกันในแง่จิตวิญญาณ​ หนีกันไม่พ้นจนกว่าจะทำตามสัญญานั้นเสร็จ มีอะไรมากกว่าที่คุณรู้เวลาที่พูดถึงเรื่อง​ Soulmate วันนี้ผมให้คุณลองใช้​ Intuition​ ความหยั่งรู้ในตัวคุณดูว่า​รอบด้านคุณมี​ใคร​เป็น​ Soulmate และเรามาสอนอะไรกันและกัน​ #breakfreebeyou #dnabliss Victor Singh Mystic | New Age Energy Trainer...

Share

Self Love รักตัวเอง

ความรักบนโลกใบนี้มีหลายรูปแบบ หนึ่งในความรักที่ผู้คนมักลืมคือ 'การรักตัวเอง'​ การรักตัวเองในความหมายของผม คือ การให้ความสุขกับตัวเอง​ การให้ความรักคือ​ การมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง สิ่งที่คุณทำแล้วรู้สึกดีจากใจ​ การเห็นคุณค่าในตัวเอง และยอมรับตัวเอง​ รวมถึงการทำอะไรให้ตัวเองก่อนเสมอ​ แม้ในเครื่องบิน​ Safety Regulations ยังบอกให้เราใส่หน้า​กาก​ Oxygen ให้ตัวเองก่อนที่จะช่วยเหลือผู้อื่น​ เพราะหากเราไม่เติมเต็มตัวเองก่อนแล้วเราจะช่วยใครได้​ สำหรับผมการเดินทางสู่เป้าหมายที่คุณตั้งใจจริง สานความฝันของคุณ นั่นก็เป็นการให้การรักตัวเองแล้วเช่นกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือ 'การรักตัวเอง'​ ต้อง "ไม่ทำลายตัวเอง" เพราะบางครั้ง คุณให้ตัวเองเยอะเกินไป ก็เป็นการทำลายได้ เช่น กินอาหารที่คุณชอบเยอะเกินไปก็ทำลายร่างกายคุณได้ ทำให้เสียสุขภาพได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นต้องดูเรื่องของ balance ด้วย ในการรักตัวเองให้สิ่งดีๆกับตัวเองแต่ไม่ได้ทำลายตัวเอง ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจะเริ่มรักตัวเองยังไง ลองถามตัวเองว่า "อะไรที่ทำให้ฉันมีความสุข" เมื่อได้คำตอบ อยากให้คุณเริ่มลงมือทำ #breakfreebeyou #dnabliss Victor Singh Mystic | Reiki Master Trainer...

Share

Self Love

คุณคิดว่า การรักตัวเอง ต่างกับความเห็นแก่ตัวยังไง ก่อนอื่น ผมขอบอกก่อนเลยว่า ในแต่ละประเทศ มีความหมายของคำว่าเห็นแก่ตัวไม่เหมือนกัน ในบ้านเรา ถูกปลูกฝั่งว่า ถ้าคุณจะทำอะไรเพื่อตัวคุณเอง นั้นเป็นการเห็นแก่ตัว ในสังคมเอเชียหลายๆที่ พูดไว้แบบนี้ ซึ่งผมไม่เห็นด้วย การรักตัวเองในความหมายของผม คือ การให้ความรัก ความสุข และมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง สิ่งที่คุณทำแล้วรู้สึกดีจากใจ​ การเห็นคุณค่าและยอมรับตัวเอง​ รวมถึงการทำอะไรให้ตัวเองก่อนเสมอ​ ซึ่งแตกต่างกับคนเห็นแก่ตัว คือ คนเห็นแก่ตัว จะไม่แบ่งปัน ไม่ช่วยเหลือผู้อื่น นึกถึงแต่ตัวเองอย่างเดียว แล้วก็เอาเปรียบผู้อื่นด้วย สุดท้ายอาจทำร้ายผู้อื่นด้วยซ้ำไป นั้นคือข้อแตกต่างหลักๆเลย แต่ถ้าเราบอก เรารักตัวเอง เราให้สิ่งที่ดีกับตัวเอง แต่คนรอบข้างเรา เขาไม่ชอบเรา เขารู้สึกเจ็บปวดที่ ทำไมเรา ทำผิดจากกฏธรรมเนียม ประเพณีต่างๆ นานา อันนี้ไม่เรียกเห็นแก่ตัวครับ เป็นปัญหาของเขา ไม่ใช่ปัญหาของเราแล้ว คุณต้องแยกให้ออก ผมของยกตัวอย่าง คุณไปทานข้าวกับเพื่อน คุณอยากทานกุ้งอบวุ้นเส้น แต่เพื่อนอยากทานยำวุ้นเส้น ก็แค่ต่างคนต่างสั่งสิ่งที่เราอยากกิน แล้วมาแชร์กันกิน อันนี้เป็นการรักตัวเอง ไม่ได้เห็นแก่ตัว แต่ถ้าคุณบอกว่าคุณจะสั่งอาหารที่คุณอยากทานอย่างเดียว แต่เพื่อนแพ้อาหารทะเล แล้วคุณก็สั่งแต่อาหารทะเล เพื่อนคุณทานไม่ได้ และคุณก็ไม่ให้เพื่อนคุณสั่งอาหารที่เขาชอบ ที่เขาอยากทาน และยังให้เพื่อนแชร์ค่าอาหารด้วย อันนี้เขาเรียกว่า "เห็นแก่ตัว" ในเมืองไทย ทำแบบนี้กันเยอะ ที่ว่า คนเดียวสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ พอถึงเวลา ก็ให้เพื่อนมาแชร์กันจ่ายค่าอาหาร คนที่คิดถึงแต่ตัวเองไม่คิดถึงผู้อื่น ไม่แบ่งปัน เวลาไปไหนก็บอกว่า ต้องให้ฉันก่อน คนอื่นจะเป็นยังไง ฉันไม่สน ตลอดเวลาเลย ไม่เรียนรู้ที่จะอยู่กับผู้อื่นอันนี้เขาเรียก 'คนเห็นแก่ตัว' #selflovenotselfish #dnabliss Victor Singh Mystic | Reiki Master Trainer FB/IG: dnabliss...

Share

Self Love เชื่อมั่นในตัวเอง

คุณเคยไหม? เวลาที่คุณทำอะไรเพื่อตัวเอง แล้วคนรอบข้าง บอกว่า "คุณเห็นแก่ตัว" หรือบางครั้งคุณอาจจะรับรู้ถึงพลังงานว่าเขาไม่พอใจ​ คุณไม่รู้จะทำยังไง​อยากจะเป็นตัวเอง​ รักตัวเองแต่ก็กลัวสิ่งนี้ วันนี้ผมมีวิธีการมาแนะนำ คือ การ​ "ปล่อยเขาไป" เลือกรับฟังในสิ่งที่ใช่​ อะไรที่เรารู้ว่าไม่ใช่ เราก็ต้องฝึก​ Mindset ของเรา​ ไม่ใช่ไปเชื่อทุกอย่างที่ทุกคนติชม เข้าใจก่อนว่าการที่เขาพูดแบบนั้นกับคุณ อาจจะเป็นเพราะเขาเองติดบล็อกบางอย่าง หรือ เขาอาจมีความเก็บกดบางอย่างอยู่ ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองเช่นกันจึงหวังว่าทุกคนจะต้องทำตามเขา ไม่สามารถทำตามความฝันของตัวเองได้ ถูกปลูกฝังมาแบบนั้นก็ได้ ทำให้รู้สึกว่าตัวเขาเองถูกพันธนาการ ขาดอิสระอยู่ ในฐานะที่คุณตื่นรู้คุณสามารถยอมรับ 'เขา'​ *ไม่ใช่ยอมรับการตัดสินของเขานะ ยอบรับว่าเขาว่าเขาเป็นแบบนี้ และคุณก็ทำในสิ่งที่คุณต้องทำต่อไป ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่รักเขา​ มันอาจจะฟังดูเหมือนเห็นแก่ตัว แต่นี้คือ Self Love การรักตัวเองจริงๆ ในอีกมุมหนึ่ง การที่เขา 'ไม่ทำ'​ ในสิ่งที่เขาวาดฝันเพราะกลัวว่าคนจะมองเขายังไง ทั้งๆที่เขาอยากทำ แต่ไม่กล้า มันเป็นการเรียนรู้และการเดินทางของเขา​ กรรมของเขา​ ไม่ใช่กรรมของคุณ ไม่ใช่หน้าที่ของคุณที่จะมาเปลี่ยนแปลงใครที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเอง อีกเทคนิคหนึ่งที่ผมใช้กับชีวิตส่วนตัวจริงๆ ต้องขออนุญาตทุกคน ผมอาจใช้คำไม่สุภาพ วิธีนี้ผมและคนส่วนใหญ่ใช้ได้ผลจริงๆ เวลามีคนพูดว่าคุณเห็นแก่ตัวหรือเสียงในหัวที่มาจากความเชื่อเมื่อคุณทำสิ่งที่ให้คุณค่ากับตัวเอง แนะนำให้พูดกับตัวเองว่า "ขอบคุณที่แบ่งปัน" แล้วก็ทำสิ่งที่คุณต้องการทำต่อไป หรือจะพูดกับความคิดที่ขึ้นมาว่า "ช่างแม่ง" เพื่อเอาความคิดที่คนอื่นต่อว่าเราเห็นแก่ตัวออกไป สุดท้ายท้ายสุดคุณต้องเลือกว่าคุณจะเป็นทาสความคิดผู้อื่นหรือคุณจะเดินหน้าสานฝันตัวเอง คุณต้องมี แอดติจูด แบบนี้ในตัวเองบ้าง ยอมรับเขาในแบบที่เขาเป็น แต่เราก็ช่างแม่งอยู่ดี อาจใช้คำพูดที่แรงหน่อย เพราะว่ามันมีความดื้อ ความกลัว และความเข้าใจที่เก็บอยู่ในตัวเรา ผมขอแนะนำ คุณอาจใช้ทั้ง 2 คำ ร่วมกัน จะได้ผลที่ยอดเยี่ยมมาก และอาจจะจบท้ายด้วยการให้อภัย ยกโทษ และขอการให้อภัยจากความเชื่อนั้นๆต่อไปถ้าจำเป็นเพื่อการปลดปล่อยพัฒนาการออกจากจิตใต้สำนึก #breakfreebeyou #dnabliss Victor Singh Mystic | New Age Energy Trainer FB/IG: dnabliss...

Share

You Can Do It

เวลาที่มีคนไม่ชอบในสิ่งที่คุณทำ คุณจะทำยังไง ผมขอแนะนำให้คุณทำในสิ่งที่คุณต้องการทำ คุณไม่สามารถตามใจทุกคนได้ ถ้าคุณต้องรอฟังหรือรอการยอมรับจากทุกคนบนโลก คุณคงไม่ต้องไปไหนและคงต้องใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วย​ Attitude ที่ต้องเลียทุกคน​ จริงๆแล้ว ผู้ประสบความสำเร็จหลายคนบนโลก เช่น ไอแซก นิวตัน,​อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, ทอมัส แอวา เอดิสัน ฯลฯ เขาทำในสิ่งที่เขาต้องทำ ในตอนแรก ไม่มีใครเห็นด้วยหรอก และไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าเขาสามารถประสบความสำเร็จได้​ บางคนอาจจะบอกว่าเขาบ้าด้วยซ้ำไปที่จะสร้างสิ่งเหล่านั้น แต่​เขา​ 'ลงมือทำ'​ มันจนประสบความสำเร็จและยังเป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน​ เรียกได้ว่า​ เป็นบุคคลสำคัญของโลกเลยก็ว่าได้ ในสังคมไทย หลายๆครั้งพ่อแม่มักไม่ยอมให้ลูกทำ หรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ลูกต้องการ​ รู้ไหมครับสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร​ เด็กโตขึ้นมาอายุ 30 กว่า กลับพบว่า สิ่งที่เขาเรียนในช่วงปริญญาตรี เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้อยากจะทำเลย พวกเขายังไม่รู้จักตัวเองเลยในเวลานั้น มีหลายครอบครัวที่เป็นแบบนี้ค่อนข้างเยอะ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน ตอนที่ผมมาทำงานการพัฒนาทางด้านจิตวิญญาณ​และพลังงานบำบัด พ่อแม่ผมไม่ได้เห็นด้วย เขาไม่สนับสนุนเลยด้วยซ้ำไป แต่สุดท้ายผมก็ทำมันมาจนกระทั่ง ผมประสบความสำเร็จในงานที่ผมทำอยู่ แรกๆเราอาจจะขาดการยอมรับจากพ่อแม่ แต่วันที่ผมตัดสินใจไม่มองหาการยอมรับจากพ่อแม่แล้วนั่น คือวันที่ผมได้เติบโตจริงๆจังๆบนเส้นทางนี้ และงานของผมก็เติบโตจริงๆ เพราะผมไม่ได้มองหาการยอมรับ ผมทำจากใจจริงๆ แล้วคุณล่ะอยากทำอะไร​ วันนี้คุณได้ทำมันหรือยัง​ #breakfreebeyou #dnabliss Victor Singh Mystic | New Age Energy Trainer FB/IG: dnabliss...

Share

Break Free Be You

เวลาที่คุณทำบางอย่าง แล้วดูเหมือนจะขัดแย้งกับขนบธรรมเนียม ประเพณี แล้วมีคนมาต่อว่าคุณ คุณจะยังทำมันอยู่ไหม ถ้าการที่คุณ ทำแตกต่างออกจาก ประเพณี ความเชื่อ ขีดจำกัดของครอบครัวและคนรอบข้างคุณ คุณจำเป็นต้องสังเกตุดูก่อนครับ โดยเริ่มต้นจากการมี Awareness การตระหนักรู้ ดูก่อน ว่าสิ่งที่คุณถูกปลูกฝังมานี่ มันเป็นความจริงสำหรับคุณไหม และเป็นสิ่งที่ดีอีกต่อไปไหม สำหรับโลกในปัจจุบัน และในอนาคตสำหรับคุณและครอบครัวคุณไหม เป็นสิ่งที่คุณอยากปลูกฝังลูกหลานคุณหรือเปล่า สอง ทำความเข้าใจ ว่ามันมีผลกระทบกับคุณยังไงอยู่ ถ้าคุณยังฟังและเชื่อสิ่งๆนั้นอยู่ มันทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นไหม ทำให้เป็นคนดีขึ้นหรือเปล่า หรือว่ามันกำลังปิดกั้นศักยภาพของคุณอยู่ ทำให้คุณไม่กล้าเป็นตัวของตัวเอง ถ้าผ่านแบบทดสอบสองอันนั้นแล้ว คุณรู้สึกว่าต้องลงมือทำ ต้องเปลี่ยนแปลง แล้วก็ยอมรับได้ว่า โอเค คุณต้องการเปลี่ยนจริงๆ สิ่งที่คุณถูกปลูกฝังมา หรือว่าสิ่งรอบข้างเป็นสิ่งที่ไม่ถูกสำหรับคุณอีกต่อไป ก็ให้คุณยอมรับ แรกๆ คุณอาจต้องเดินคนเดียวชั่วคราว แต่จริงๆแล้วมันไม่ตลอดไปหรอก อันนี้อาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ฟังดูแล้วยากที่สุดสำหรับหลายๆคน ก็คือการที่ต้องยอมรับว่า เราอาจจะต้องเดินคนเดียวชั่วคราว ในตอนเริ่มต้น แต่ถ้าคุณตัดสินใจและคุณกล้าพอที่จะเดิน ให้เชื่อเสมอ ว่าคุณไม่ได้เดินคนเดียว จักรวาลจะส่งคนมาเดินเป็นเพื่อนคุณแน่นอน ไม่ว่าคุณจะมองเห็นเขาหรือมองไม่เห็นเขาก็ตาม นั่นคือพลังที่ยิ่งใหญ่กว่า สำหรับคนที่กล้าจะเปลี่ยนแปลง และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง จักรวาลให้ของขวัญกับสิ่งเหล่านั้นเสมอ และเขาก็ไม่ทอดทิ้งคุณ #breakfreebeyou #dnabliss Victor Singh Mystic | New Age Energy Trainer FB/IG: dnabliss...

Share

Learning By Doing

วันนี้ ผมอยากให้คุณถามตัวเองดู ถ้าคุณใช้ชีวิตในแบบที่คุณเป็นในวันนี้ต่อไป ในอีก 5 ปีหลังจากนี้คุณจะเป็นยังไง ถ้าเป็นแบบเดิมคุณจะพอใจมั้ย คุณจะแฮปปี้กับมันมั้ย ถ้าผ่านไป 10 ปี ,15ปี ,20ปีล่ะ คุณยังใช้ชีวิตแบบเดิม แบบปัจจุบัน คุณจะยังแฮปปี้กับมันมั้ย คุณชอบในสิ่งที่คุณเป็นอยู่มั้ย ถ้าชีวิตของคุณ 15 ปีเป็นแบบนี้หรือแย่ลงตามกาลเวลา ตามประสบการณ์ ตามอายุสังขารต่างๆนานา คุณจะแฮปปี้กับมันมั้ย คุณจะรับมันได้มั้ย เพราะถ้าคุณรับมันได้ ก็โอเคครับ มันก็ไม่มีอะไรให้คุณต้องเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าคุณรู้สึกว่า เออ! มันมีความเสี่ยงสูง มีอะไรต่างๆนานา ฉันจะอยู่ที่เดิมไม่ได้ นั่นแหละครับ คุณก็ต้องทำอะไรบ้างอย่าง ออกไปนอก comfort zone นะครับ อันนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานหรืออะไรก็ตามนะครับ โลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถ้าคุณอยู่กับที่ แล้วคุณไม่ขยับไปไหนเลย คุณจะอยู่ได้ลำบาก ในหลายๆอย่าง อย่าหยุดเรียน อย่าหยุดพัฒนาตัวเอง เดินหน้าทำฝันคุณให้เป็นจริง #breakfreebeyou #dnabliss Victor Singh Mystic | New Age Energy Trainer FB/IG: dnabliss...

Share

Joy And Fulfillment

คุณรู้เป้าหมายของชีวิตคุณแล้วหรือยัง? หลายคนให้ความหมาย ของเป้าหมายชีวิตที่แตกต่างกัน ผมอยากให้คุณลองหา ความหมายของชีวิตคุณคืออะไร ความหมายของชีวิตผมคือ Joy and fulfillment การรู้สึกมีความสุขกับตัวเอง สุขในการใช้ชีวิต เติมเต็มตัวเอง นั้นคือสิ่งที่ผมคิดว่าหลายคนมองหา เป้าหมายของชีวิตคือ อะไรก็ตามที่คุณทำ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนั้นๆ อาจเป็น Purpose หรือสาเหตุที่ว่า ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ คุณตื่นนอนในแต่ละวันเพื่ออะไร คำว่า 'เพื่ออะไร' มันคือเป้าหมายของชีวิต แต่รู้ไหมที่ผมเคยได้ยิน เป้าหมายของหลายคนคือ เพื่อชดใช้กรรม หากคุณคิดแบบนี้ ชีวิตของคุณในแต่ละวันก็เพื่อชดใช้กรรม ไม่ได้เพื่อใช้ชีวิต สำหรับใครที่มีความคิดนี้ในหัว ระวังการยึดติดกับความทุกข์ ความเศร้าโศกเสียใจ เพราะจิตของคุณดึงดูดมันขึ้นมา คุณให้ความหมายของชีวิตไว้แบบนั้น คุณให้เป้าหมายของชีวิตว่า เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม ผมอยากให้คุณลองเปลี่ยนว่า คุณตื่นนอนในแต่ละวัน เพื่อมีความสุข และเติมเต็ม ตัวของคุณเอง ถ้าคุณทำได้ แบ่งปั่นสิ่งดีๆเหล่านั้นออกไป มันเป็นสิ่งที่งดงามมาก นั่นแหละครับคือเป้าหมายของผม เพราะฉะนั้น สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าเป้าหมายของคุณคืออะไร ในแต่ละวันที่คุณตื่นมา อยากให้คุณคิดว่า ยังมีอะไรบางอย่างที่คุณไม่ได้ทำ ไม่ได้ fulfill ให้คุณตื่นเพื่อมาเติมเต็มมัน ที่เป็นประโยชน์กับตัวคุณเอง กับผู้อื่น สิ่งแวดล้อม โลกของเรา ถ้าคุณคิดอย่างนี้ได้ เป้าหมายในชีวิตอันยิ่งใหญ่ สำหรับคุณเองและผู้อื่น จะเกิดขึ้นเมื่อนั้น คุณจะใช้ชีวิต อยู่บนคลื่นความถี่ที่สูง ที่มีความสุขจริงๆ ความเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ 'Bliss Joy Abundance' อย่างแท้จริง #breakfreebeyou #dnabliss Victor Singh Mystic | New Age Energy Trainer FB/IG: dnabliss...

Share

Expectations

เราจะทำยังไง? กับความคาดหวังของคนที่เรารัก สิ่งแรกที่คุณต้องยอมรับก่อนคือ เราถูกสร้าง มาให้แตกต่างกัน คุณอาจจะไม่ได้คาดหวัง หรืออาจคาดหวังอะไรจากเขา จะมากหรือน้อยกับอีกฝ่ายก็แล้วแต่ ผมอยากให้คุณทำความเข้าใจก่อนว่า 'การคาดหวัง' เป็นเรื่องธรรมชาติของความสัมพันธ์ แต่มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณ ในการตอบสนองสิ่งที่คนอื่นคาดหวังจากคุณ คุณจำเป็นต้องรับจุดนี้ให้ได้ด้วย เพราะว่าไม่ใช่หน้าที่คุณที่ต้องเติมเต็มความสุขให้ผู้อื่นตลอดเวลา บางครั้งเราก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาคาดหวังเป็นสิ่งที่ดีหรือเปล่า แล้วเป็นหน้าที่ของคุณหรือเปล่าที่ต้องไปตอบสนองเขาตลอดเวลา อันนี้ใช้วิจารณญาณดูครับ ในความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิดกับคนที่คุณรัก และคนที่รักคุณ คุณรักเขาและเขาก็รักคุณจริงๆ ไม่ใช่แค่ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง เราควรบริหารจัดการ ความคาดหวังร่วมกัน ตัวอย่างเช่น ผมกับแฟน เราคุยกันตรงๆว่าเราคาดหวังอะไร ว่าผมชอบอะไร เขาชอบอะไรผมทำในสิ่งที่เขาชอบ ถ้าผมทำได้ เขาก็ทำในสิ่งที่ผมชอบ ถ้าเขาทำได้ด้วยเช่นกัน แต่ถ้าเขาทำให้ไม่ได้ ผมก็ต้องทำเอง เริ่มต้นที่คุณเองต้องพยายามทำความเข้าใจว่า คุณต้องทำด้วยตัวคุณเองก่อน ในหลายๆอย่าง เขาก็ต้องทำอะไรบางอย่างให้ตัวเองก่อนเช่นกัน ในเรื่องความสัมพันธ์ ถ้าจะอยู่ด้วยกันในระยะยาว ให้ความสัมพันธ์ไปในทางที่ดี 'การบริหารความคาดหวัง' เป็นสิ่งสำคัญ คุณควรรู้ว่า ฝ่ายหนึ่งชอบและไม่ชอบอะไร ให้ในสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งชอบ ถ้าทำได้ ถ้าทำไม่ได้ก็คุยกันตรงๆ คุณทั้งคู่ควรเป็นผู้ให้และผู้รับที่แลกเปลี่ยนกัน #breakfreebeyou #dnabliss Victor Singh Mystic | New Age Energy Trainer FB/IG: dnabliss...

Share

Life Change

มีคนถามผมว่า เขาเดินตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี เขากลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เป็นเพราะอะไร? ผมอยากบอกว่า เวลาเปลี่ยนแปลงตลอด และไม่เคยหยุดนิ่ง เป้าหมายของมนุษย์ก็เช่นกัน สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เป็นเรื่องธรรมชาติ และเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเกิดในบางเป้าหมาย หรือหลายๆเป้าหมายเช่นกัน เพราะบางครั้ง พลังงานของคุณอาจจะเปลี่ยนจนเป้าหมายที่คุณเคยตั้งไว้ก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่สำหรับคุณอีกต่อไป การเปลี่ยนเป้าหมายให้เหมาะสมกับ Vibration และโฟกัสของคุณในเวลานั้น รวมถึงสภาพร่างกาย อารมณ์ จิตใจ จิตวิญญาณ เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องทำและควรเกิดขึ้น อย่าโทษตัวเองถ้าคุณเปลี่ยนเป้าหมาย แต่ถ้าคุณตั้งเป้าหมายแล้วเปลี่ยน ตลอดเวลา ไม่ fulfill ไม่โฟกัสที่ลงมือทำ ในเคสนี้ไม่ใช่ นั้นเป็นเพราะคุณขาดวินัยแต่แรกแล้ว คุณไม่มีความเชื่อว่าจะไปสู่เป้าหมายได้ คุณไม่มีความอดทนพอ ในการลงมือทำ ในการ make it take ในการล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ มีหลายคนที่ล้มแล้วเลิก เปลี่ยนเป้าหมายใหม่ไปเลย คนประสบความสำเร็จ 100% บนโลก เมื่อเขาล้มจะลุกขึ้นใหม่ แล้วเดินไปที่เดิมที่เขาตั้งเป้าไว้ แต่หลายครั้ง หลายคนก็เปลี่ยนเป้าหมายบางอย่าง เปลี่ยนนิดๆหน่อย หรือบางครั้งก็พักชั่วคราว แล้วกลับมาทำต่อก็มี อย่าท้อถอย เป้าหมายสามารถเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ตามสิ่งแวดล้อมได้เช่นกัน บางครั้งสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน เป้าหมายก็อาจเปลี่ยน อายุคุณมากขึ้น วุฒิภาวะและประสบการณ์ในการทำงานมากขึ้น คุณอาจจะรู้สึกอยากเปลี่ยนงานก็ได้ เป้าหมายมันก็เปลี่ยน แต่ Core value ของเป้าหมายอาจยังเหมือนเดิม แค่คุณเปลี่ยนอาชีพ เปลี่ยนสถานที่ทำงาน แต่ Core ยังเหมือนเดิม ได้เช่นกัน ผมอยากบอก บางครั้งการเปลี่ยนแปลงเป็นกฏของธรรมชาติ จักรวาลที่คุณอยู่ ไม่มีไรหยุดนิ่ง ทุกอย่างมีการขับเคลื่อน Vibrateในคลื่นความถี่ที่แตกต่างกัน แม้แต่ร่างกายคุณ ก็ Vibrate ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นมันเป็น เรื่องธรรมชาติ ที่หลายสิ่ง ต้องเปลี่ยนแปลง คุณต้องยอมรับตรงนี้ให้ได้ ใครที่ยอมรับได้ว่า 'ชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง' โลกมีการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างไม่มีอะไรเที่ยง เขาจะเป็นคนที่ เดินทางและพัฒนาอยู่บนโลกของความจริงได้ อย่างยั่งยืนจริงๆๆครับ เขาจะไม่ผิดหวัง เมื่อเขาล้ม เพราะเขารู้ว่า เขาเองก็ลุกขึ้นมาใหม่ได้ เสมอเช่นกัน #breakfreebeyou #dnabliss Victor Singh Mystic | New Age Energy Trainer FB/IG: dnabliss...

Share